เมื่อเราอายุมากขึ้น ก็เริ่มที่จะมีอาการปวด เมื่อย ตึง โดยอายุ 40 ปีขึ้นไปมักจะมีอาการปวดหัวเข่า หรือเข่าบวมและจะพบบ่อยเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไปเมื่อไปตรวจรักษา  แพทย์ก็บอกคุณว่า “ข้อเข่าเสื่อม” จริงๆแล้วนั้น  คุณเป็นข้อเข่าเสื่อมจริงหรือไม่

 

สาเหตุของการปวดเข่า
อาจสามารถแบ่งได้กว้าง ๆ คือ การอักเสบของข้อ การฉีกขาดของเส้นเอ็น การเสื่อมของข้อ และการติดเชื้อ การปวดข้อส่วนใหญ่จะเกิดจากการใช้งานหนัก หรือการใช้งานที่ไม่ถูกวิธี ไม่มีการ warm up warm down และการยืดกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ ถ้าเป็นการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย สามารถหายได้เอง แต่ถ้าบาดเจ็บรุนแรงอาจจะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจโดยละเอียด และถ้ารุนแรงถึงขั้นต้องผ่าตัด

ข้ออักเสบ จากทั้งโรคข้อ เช่น รูมาตอยด์ ข้อเสื่อม เก๊าท์ ถุงน้ำภายในข้อหรือเยื่อหุ้มข้ออักเสบ bursitis เกิดจากใช้งานหนัก มีความดันภายในข้อมากเกินไป เช่นนั่งยอง ๆ นาน ๆ หรือการบาดเจ็บก็ได้ เส้นเอ็นอักเสบ มักปวดทางด้านหน้าของหัวเข่า อาการมากขึ้นเวลาที่เราขึ้นลงบันได มักพบในนักวิ่ง นักปั่นจักรยาน ถุงน้ำ Baker’s เป็นถุงน้ำบวมที่ด้านหลังของข้อ การฉีกขาดของกระดูกอ่อน meniscus tear จะรู้สึกปวดทั้งภายในและนอกข้อ มักจะเกิดในขณะเล่นกีฬา หรือมีการหมุนตัวบิดข้อเข่าอย่างรวดเร็ว และจะมีอาการปวดรุนแรงขึ้นมาทันทีทันได้ การฉีกขาดของเส้นเอ็น ACL มักจะเกิดในขณะเล่นกีฬา หรือมีการหมุนตัวบิดข้อเข่าอย่างรวดเร็ว และจะมีอาการปวดรุนแรงขึ้นมาทันทีทันได้ การเคล็ดตึงอักเสบของกล้ามเนื้อการเคลื่อนของกระดูกสะบ้า การติดเชื้อที่ข้อ

 

หลายครั้งที่สาเหตุมาจาการใช้งานหนักเกินไป หรือจากการที่เราออกกำลังกาย อาจจะเริ่มต้นด้วยการดูแลตัวเองเบื้องต้น ดังนี้
-พักการใช้งาน และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะทำให้ต้องใช้เข่ามากขึ้นและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำเติม
-ประคบน้ำแข็ง นาน 15 นาที ทำทุกชั่วโมงติดต่อกัน 4 ชั่วโมง
-ยกขาให้สูงขึ้น และพันด้วยผ้า หรือสวม knee support เพื่อลดการ
-ทานยาลดอาการปวดและยาคลายกล้ามเนื้อ
-เวลานอนให้หาหมอนมาหนุนไว้ใต้หัวเข่า

 

สัญญาณเตือนที่เราต้องพบแพทย์ทันที
-ไม่สามารถยืนหรือทิ้งน้ำหนักลงได้
-อาการปวดรุนแรงYou have severe pain, even when not bearing weight.
-มีเสียงผิดปกติของเข่า เช่น เสียงคลิก หรือรู้สึกว่าเข่าล็อค ขยับไมได้
-รูปร่างผิดปกติ
-มีไข้ บวมแดงร้อนของหัวเข่า
-อาการปวดไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลด้วยตัวเองแล้วมากกว่า 3 วัน